อำเภอจอมบึงมีอายุครบ
๑๑๙ ปี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ซึ่งจากประวัติที่ผ่านมา
ในวันที่ ๑๙-๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๓๘
เป็นเวลาที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสถ้ำจอมพล
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๘
(ร.ศ. ๑๑๔) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า
ให้ตั้งเป็นกิ่งอำเภอจอมบึง
วันที่ ๑๙ ธันวาคม
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงม้าพระที่นั่ง
เสด็จพระราชดำเนินจากค่ายหลวงถึงที่ประทับร้อนปากช่องทุ่งพิทาบเสด็จประทับเสวยเช้า
เวลาเช้า ๔
โมงเสด็จจากที่ประทับร้อนถึงค่ายหลวงที่ประทับแรมตำบลจอมบึง
(บริเวณที่ว่าการอำเภอจอมบึงกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอจอมบึงในปัจจุบัน)
วันที่ ๒๐ ธันวาคม
เสด็จพระราชดำเนินที่พักพระสงฆ์
และเขากลางเมืองประทับเสวยเช้าที่เชิงเขาและทรงพระราชดำเนินลงประพาสในถ้ำบนเขากลางเมืองนั้น
ทรงพระราชดำริที่จะให้มีเครื่องหมายระลึกถึงการเสด็จพระราชดำเนิน
จึงทรงพระอักษรไว้ที่ปากถ้ำ คือ จ ป ร ๑๑๔
พระราชทานนามถ้ำว่าถ้ำจอมพลโปรดเกล้าให้ช่างสลักศิลาตามตัวอักษร
วันที่ ๒๑ ธันวาคม เวลาบ่าย
๔ โมง เสด็จทรงม้าพระที่นั่ง
ไปทอดพระเนตรบึงทรงพระราชดำรัสว่า….นี่หรือบึง สวยงามดี
ต่อไปจะเจริญ ต่อไปให้เรียกว่า จอมบึง
วันที่ ๒๒ ธันวาคม
ทรงม้าพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินกลับ
และจากการสำรวจค้นคว้าทางโบราณคดี
ได้พบหลักฐานเครื่องมือเครื่องใช้ของคนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่กำหนดอายุได้ไม่น้อยกว่า
๔,๐๐๐ ปี กระจัดกระจายอยู่โดยรอบทุ่งจอมบึง
เริ่มต้นด้วยคนสมัยหินใหม่ตอนต้นพบขวานหินกะเทาะที่บ้านหนองบัว
วังมะเดื่อ วัดจอมบึง หนองบ้านเก่า
บ้านเกาะนอกและบ้านปากบึง ตำบลจอมบึง
นอกจากนี้ที่เนินชัฏหนองค่า ริมทุ่งจอมบึง
มีร่องรอยขวานหินกะเทาะ ขวานหินขัด
ของผู้คนสมัยหินจนถึงสมัยโลหะตอนปลาย
จนได้รับเอาวัฒนธรรมจากคูบัวและเขางู
พัฒนาขึ้นเป็นชุมชนสมัยทราวดี เมื่อประมาณพุทธศวรรษที่ ๑๓
– ๑๔
ตำบลจอมบึงจึงเป็นพื้นที่ที่มีความสำคัญตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์
ต้นประวัติศาสตร์ ทวารวดีจนถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ และปัจจุบัน
ฯพณฯ จอมพลผิน ชุณหวัณ
อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เปิดป้ายกิ่งอำเภอจอมบึง เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๗